จากไทยแลนด์สู่แดนเมอร์ไลออน: เรื่องราวของพลเมืองสากล ส้มตำ และความคิดถึงบ้าน

Original article in English available here

Translated by Boom Apiwat

ด้วยภาพลักษณ์ภายนอกของเธอ จิน หญิงสาวที่อาจจะดูเงียบและเขินอายเป็นปรกติ เธอยินดีที่จะมาพบกับฉันในโรงอาหารโดยไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร หรือน่าตาจะเป็นอย่างไร จินมองหาผ่านกลุ่มคนประมาณห้าคน เพื่อนร่วมงานที่เธออาจจะไม่คุ้นเคยกันมากนัก ทันใดนั้นเธอโบกมืออย่างพริ้วไหวมาที่ฉัน สีหน้าเธอเปลี่ยนไป จินค่อย ๆ ยิ้มออกมาและรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นเมื่อเธอพบว่า นี่แหละถูกคนแล้ว

จิน คือหญิงสาวในวัยยี่สิบห้า ผู้ที่ทำงานในแผนกปฏิบัติการระดับภูมิภาคและในส่วนของฝ่ายการให้บริการลูกค้า (Regional Operations Customer Service) เธอได้ร่วมงานกับเราเมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยรับผิดชอบในส่วนของ Live Chat feature นี่คือจิน ประภัสสร ติโลกะนาถ หญิงสาวสายเลือดผัดไทผู้ที่มีชีพจรลงเท้ากับการเดินทางพร้อมเรื่องราวมากมาย ที่จะมาเล่าให้เราฟัง

และนี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับจิน ฉันได้พูดคุยกับเธอเกี่ยวกับการทำงานในต่างแดน การเป็นพลเมืองสากล ประเทศรัสเซีย ส้มตำ และความคิดถึงบ้านเกิดเมืองนอน

จอยซ์ลิน: เอาหละ ฉันขอเริ่มเลยแล้วกัน – เธอเริ่มคิดว่าอยากทำงานในต่างประเทศตั้งแต่เมื่อไหร่?

จิน: อื้มมม… อันที่จริงแล้ว ตอนนั้นฉันยังไม่ได้คิดเรื่องอายุ แต่ฉันคิดอยู่ตลอดเสมอมาว่าโลกข้างนอกนั่นมันกว้างใหญ่ ใหญ่เกินกว่าสิ่งที่ฉันรู้จักในประเทศไทย โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ที่ที่ฉันจากมา ที่ที่มีอะไรมากมายให้ทำ แต่สิ่งที่อยู่ข้างนอกนั้นมันดึงดูดใจฉันอยู่ตลอดเวลา

จอยซ์ลิน: เธอเล่าหรืออธิบายเกี่ยวกับการเป็นพลเมืองสากลให้ฟังได้ไหม?

จิน: ได้สิ ย้อนกลับไปตอนที่บ้านส่งฉันเข้าร่วมโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อตอนอายุสิบห้า และด้วยประสบการณ์นั่นแหละที่ทำให้ฉันตระหนักได้ว่า เราเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งในทุกที่ที่เราไป มันไม่ได้สำคัญอะไรเลยว่าเรามาจากประเทศไหน แต่งตัวตามเพศอะไร ศาสนาใดที่นับถือ หรือเผ่าพันธุ์ไหนที่เราเกิดมา ในที่สุดแล้วมนุษย์เองมีอิสระที่จะเลือก ที่จะย้ายไปในที่ใดก็ได้ตามที่ใจต้องการ

จอยซ์ลิน: เธอพูดเหมือนพวกนักท่องเที่ยวตามฤดู ผู้ที่มักจะเล่าเรื่องทั่วไปของ “โลกภายนอก” แต่พอจะมีประเทศไหนที่เธอไปแล้วได้เปลี่ยนทัศนคติของเธอเกี่ยวกับการเป็นพลเมืองสากล?

จิน: หืมมม… คงจะเป็นรัสเซีย ฉันเคยแบ็คแพ็คเดี่ยวไปที่มอสโควและเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเมื่อปลายธันวาที่ผ่านมา ฉันอ่านเกี่ยวกับสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ในรัสเซียโดยเฉพาะภาษาซีริริค แม้แต่ป้ายบอกทางต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยว ฉันได้เรียนรู้ตัวอักษรซิลิลิคและอ่านศัพท์ที่จะช่วยให้ฉันมีชีวิตรอดได้ และมันก็ช่วยฉันเป็นอย่างมากโดยที่ไม่ต้องขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นมาก จากประสบการณ์นี้แหละที่เพิ่มตัวตนความเป็นพลเมืองสากลเข้าไปอีก ฉันแค่อยากจะบอกว่า “ในโลกนี้มีเพียงเขตกั้นพรมแดนเดียวเท่านั้น มันเป็นเขตกั้นที่เราสร้างขึ้นมาเอง”

จอยซ์ลิน: มันเรื่องราวที่เยี่ยมมากและเป็นแรงบัลดาลใจที่ดีให้กับนักท่องเที่ยว แต่ว่าเธอเรียนภาษาซีรีริคได้อย่างไร?

จิน: ฉันเริ่มจากการดาวน์โหลดแอพเรียนเกี่ยวภาษาซีริริคเบื้องต้น พวกคำและประโยคต่าง ๆ ฉันเคยเล่นเกมทายศัพท์กับคนท้องถิ่นที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ เพื่อให้ได้ประสบการณ์เรียนรู้อย่างแท้จริง คุณรู้ไหมว่าการคอยอ่านชื่อสถานีรถไฟฟ้ามันสนุกกว่าการนั่งนับจำนวนของสถานีเยอะ การอ่านป้าย “ทางออก” นั่นก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะคุณจะไม่มีวันรู้เลยว่าวันไหนคุณจะต้องใช้มัน ฮ่าฮ่า การเรียนภาษาท้องถิ่นเป็นสิ่งที่ช่วยฉันในเรื่องของอารมณ์และความรู้เป็นอย่างมากเวลาไปเที่ยว ฉันเคยเบื่อที่จะต้องเรียนภาษานะ แต่ว่าวันหนึ่งที่เรามีจุดประสงค์ในการเรียน มันก็เลยกลายเป็นเรื่องสนุกสำหรับฉันไปเลย

จอยซ์ลิน: แล้วเธอเคยคิดที่อยากจะทำงานในรัสเซียหรือเปล่า?

จิน: อืมม… ฉันเองก็ไม่อยากตัดโอากาสและปฏิเสธว่าไม่นะ จริง ๆ แล้วฉันเป็นคนที่ชอบมองหาโอกาสที่จะทำงานในต่างประเทศอยู่เสมอ ที่ใดก็ตามที่เป็นไปได้ ฉันเองก็มีความสุขกับการในสิงคโปร์เหมือนกัน และที่นี่ก็เป็นงานที่สองของฉัน ซึ่งหลังจากสิ้นสุดจากที่แรก ฉันก็ส่งใบสมัครไปยังที่ต่าง ๆ อย่างเซี่ยงไฮ้ ฮ่องกง และในที่ที่ฉันอยากไปทำงาน แต่สิงคโปร์เองเป็นตัวเลือกอันดับแรกของฉัน และฉันก็ดีใจมากที่ได้รับโอกาสนี้

จอยซ์ลิน: ทำไมถึงเป็นสิงคโปร์ละ?

จิน: ส่วนตัวฉันแล้วฉันเชื่อว่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นจะมีการเติบโตอยู่อีกมากจนกลายเป็นศูนย์กลางของตลาดโลกใหม่ ยุโรปและอเมริกาก็ผ่านวันเหล่านั้นมาแล้ว ประเทศจีนเองก็มีสเถียรภาพมากขึ้น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็กำลังพัฒนาศักยภาพของตัวเอง สิงคโปร์ก็เลยเป็นประเทศที่น่าอยู่ด้วยเหตุผลและสิ่งแวดล้อมที่ดีสำหรับชาวต่างชาติและในแง่ของการเข้าถึงระบบการขนส่งมวลชน ความเป็นเมืองและความปลอดภัย สิงคโปร์เองก็เป็นศูนย์กลางของธุรกิจและบริษัทต่าง ๆ ในภูมิภาคนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีต่อการพัฒนาศักยภาพในการทำงานของเราเองด้วย

จอยซ์ลิน: เธอพูดให้สิงคโปร์เป็นที่ที่น่ามาทำงานจริง ๆ แต่ฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเธอมาทำงานเพราะที่นี่เป็นประเทศที่เธอคาดหวังไว้ แต่เนื่องจากเธอทำงานทีสิงคโปร์มาแล้วระยะหนึ่ง มีอะไรที่เกี่ยวกับ Shopee บ้างที่ช่วยให้เธอยังคงพบกับประสบการณ์ที่ดีเกี่ยวกับประเทศสิงคโปร์?

จิน: มันก็ถูกของเธอนะ ไม่มีประเทศไหนที่สมบูรณ์แบบ สิงคโปร์ก็เป็นที่ที่ดีในส่วนหนึ่ง มันเป็นความจริงที่เรามักจะค้นพบในทุก ๆ ที่เมื่อเราอาศัยอยู่นานมากพอ และฉันก็เห็นด้วยกับเธอว่าบรรยากาศในการทำงานเองก็มีผลโดยตรงกับคุณภาพชีวิตที่ฉันมี โดยทั่วไปแล้วฉันเองก็พบว่าฉันเองก็มีหลาย ๆ สิ่งที่เหมือนกับเพื่อนร่วมงานที่นี่และมันก็เป็นเรื่องที่ดี ผู้คนที่นี่ขยันและมีความรับผิดชอบต่องานเป็นอย่างมาก ให้ความเคารพในความแตกต่างและนั่นทำให้ทุกอย่างสามารถเดินไปในทิศทางเดียวกันได้ นี่เป็นสิ่งที่ฉันได้พบเจอจากการทำงานกับผู้คนที่มีความแตกต่างกันในเรื่องของท้องถิ่นจากบทบาทในระดับภูมิภาคของฉัน และฉันเองก็สนุกกับมันมาก

จอยซ์ลิน: ฉันก็รู้สึกดีนะที่เธอสนุกกับการใช้ชีวิตที่นี่ ในสิงคโปร์และในที่ Shopee แต่เธอคิดถึงบ้านบ้างไหม?

จิน: คิดถึงสิ! ฉันเองก็ไม่เคยคิดเลยว่าการกลับบ้านและมีครอบครัวรอคอยฉันอยู่มันจะดีแค่ไหน จนกระทั่งฉันเริ่มทำงานที่นี่ กลับห้องไปพบกับความว่างเปล่า เปิด Skype เพื่อคุยกับที่บ้านอัพเดทเรื่องราวต่าง ๆ แต่มันก็ไม่เหมือนกับการพบหน้าครอบครัวหรือเพื่อนตัวเป็น ๆ การกลับบ้านในบางครั้งก็ทำให้ฉันรู้สึกเศร้าบ้างจากเหตุผลเหล่านี้ ฉันมักคิดถึงครอบครัว คิดถึงเพื่อนอยู่เป็นประจำ

จอยซ์ลิน: นั่นก็เป็นความจริงที่เราไม่ค่อยพบเห็นมากนักจากการทำงานในต่างประเทศ ว่าแต่การกินอาหารไทยในสิงคโปร์มันช่วยให้เธอดีขึ้นจากความคิดถึงบ้านบ้างไหม?

จิน: ฉันเคยหวังให้มันเป็นแบบนั้นนะ แต่อาหารไทยที่นี่มันรสชาติไม่เหมือนที่ไทยเลย ฮ่า ๆ มันน่าแปลกใช่ไหมละ ที่ส้มตำและผัดไททั่ว ๆ ไป จะมีรสชาติที่ต่างออกไปในประเทศอื่น อันที่จริงแล้วประสบการณ์การทานอาหารก็ค่อนข้างแตกต่างกัน ในสิงคโปร์ อาหารไทยจะถูกเสริฟในร้านอาหารอย่างดี มีที่นั่งนุ่มสบายพร้อมกับเซอร์วิสชาร์จ แต่ในประเทศไทยเอง เราจะพบเจอร้านอาหารทั่วไปตามข้างถนน ตรอกซอกซอย หรือแม้แต่ตลาดน้ำ เสียงอึกทึกครึมโครม เสียงของคนขายที่ตะโกนไปมานี่แหละที่ทำให้ประสบการณ์การทานอาหารมันต่างกันออกไปจริง ๆ ฉันยังคงคิดถึงตอนที่ฉันกับครอบครัวหรือเพื่อนนัดกันออกไปทานข้าว จริง ๆ แล้วสิ่งที่สำคัญในการทานอาหารที่นี่นั้น สำหรับฉันไม่ใช่ความสะดวกสบาย แต่เป็นความต่างกันออกไปที่ไม่มีพวกเขาเหล่านั้นอยู่ด้วย

จอยซ์ลิน: เรื่องพวกนี้เคยย้ำให้เธอคิดเรื่องการตัดสินใจออกจากประเทศไทยเพื่อไปทำงานในต่างประเทศบ้างไหม?

จิน: ไม่เลยนะ แม้ฉันจะคิดถึงพวกเขามากจริง ๆ แต่ฉันก็ไม่เคยเสียใจที่จะย้ายออกมา ฉันได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมายในห้าเดือนที่ผ่านมา มากกว่าที่ฉันคิดว่าจะได้รับในไทย ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้ทำงานกับผู้คนที่มีความแตกต่างทางวัฒธรรม และฉันเองก็ไม่คิดว่าตัวเองจะได้เรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ อย่างภาษา SQL และตอนนี้ฉันก็ตั้งมั่นว่าวันหนึ่งฉันจะเขียนโค้ดได้แบบที่เพื่อนร่วมงานของฉันทำได้ ฉันจบจากคณะอักษรศาสตร์ เคยเรียนเกี่ยวกับสิ่งที่เป็นนามธรรมมาก ๆ เรื่องราวเหล่านี้จึงเป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยคิดว่าฉันจะได้ทำ เธอรู้ใช่ไหมว่าการทำงานที่นี่มีแต่เรื่องเซอร์ไพรซ์ตลอดเวลา และฉันก็ชอบที่มันเป็นแบบนั้น

จอยซ์ลิน: เห็นด้วยเลยหละ คำถามสุดท้าย เธอมีอะไรอยากจะบอกกับคนไทยที่อยากมาทำงานในสิงคโปร์ไหม?

จิน: ถ้าหากคุณเป็นที่แฮปปี้ดีอยู่แล้วที่อยากใช้ชีวิตการทำงานทั้งหมดในประเทศไทยก็ไม่จำเป็นต้องรู้สึกกดดันกับการตัดสินใจที่ฉันทำไป จงอยู่ในที่ที่จะช่วยให้คุณไปถึงจุดหมาย ช่วยสร้างระบบที่ดีและดูแลเด็กยุคใหม่ให้ตั้งใจทำงาน การหาบริษัทดี ๆ ก็จะช่วยให้คุณได้รับโอกาสที่จะเป็นมืออาชีพได้เช่นกัน

และถ้าหากว่าคุณเป็นนักแสวงหาอย่างฉัน ต้องการที่จะออกมาจากบ้านเกิดเมืองนอน ฉันก็อยากจะบอกคุณว่า จงกล้าที่จะก้าวออกมา ยังมีอีกหลายสิ่งที่คุณจะต้องเตรียมพร้อมสำหรับไปอยู่ในที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่แตกต่าง การสร้างความคุ้นเคยกับภาษา ผู้คน และวันฒธรรม และที่สำคัญนั้นคุณจะต้องรับผิดชอบกับอิสรภาพของคุณ การได้ทำงานในบทบาทระดับภูมิภาคจะช่วยเปิดกว้างพรมแดนของคุณมากขึ้น และนี่คือสิ่งที่การทำงานในต่างแดนจะมอบให้กับคุณ 🙂


สำหรับผู้ที่กำลังมองหาโอกาสใหม่ ๆ ในการร่วมงานกับ Shopee ประเทศไทยหรือ Shopee ประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สามารถดูตำแหน่งงานที่กำลังเปิดรับได้ที่ http://careers.shopee.com/